ตัวแปร (variable) และชนิดข้อมูล (value type) เป็นสิ่งที่ต้องมีคู่กันเสมอ ไม่สามารถแยกจากกันได้ เพราะเมื่อเรากำหนดตัวแปรขึ้นมาเมื่อใดก็ตามจะต้องกำหนดชนิดข้อมูลให้กับตัวแปรนั้นด้วยเสมอ (ยกเว้นโปรแกรมบางภาษาที่อาจกำหนดชนิดข้อมูลให้อัตโนมัติ) โปรแกรมที่มีความเข้มงวดในเรื่องของกฎเช่น ภาษา C ก่อนนำตัวแปรมาใช้จะต้องทำการประกาศตัวแปรเสียก่อน ตัวอย่างการประกาศตัวแปรในภาษา C# เช่น
string telephone;
int salary;
double height;
จากตัวอย่างเป็นการประกาศตัวแปรขึ้นมา 3 ตัวแปรด้วยกัน ได้แก่ telephone กำหนดให้เป็นตัวแปรชนิดข้อความ salary กำหนดให้เป็นตัวแปรชนิดเลขจำนวนเต็ม และ height กำหนดเป็นตัวแปรชนิดเลขทศนิยม
การกำหนดชนิดข้อมูลให้กับตัวแปรจะต้องมีหลักในการกำหนด จากตัวอย่างจะเห็นว่าตัวแปรทั้ง 3 ตัวล้วนแล้วแต่ต้องจัดเก็บเป็นตัวเลขทั้งสิ้น แต่ทำไมต้องเป็นตัวแปรที่มีชนิดตัวแปรไม่เหมือนกัน เหตุผลก็คือ
1. ถ้าข้อมูลเป็นตัวอักษรทั่วๆไป หรือสัญลักษณ์พิเศษต่างๆ หรือ ตัวเลขที่ไม่ได้นำไปคำนวณ (บวก ลบ คูณ หาร) ให้กำหนดชนิดข้อมูลเป็นข้อความ (string) เช่น เบอร์โทรศัพท์ (telephone) ถึงแม้เบอร์โทรศัพท์จะเป็นตัวเลขก็ตาม เช่น 0837975558 แต่ตัวเลขนี้เราไม่ได้นำไปคำนวณ จึงต้องกำหนดเป็นชนิดข้อความ (string)
2. ถ้าข้อมูลเป็นตัวเลขที่ต้องนำไปคำนวณ บวก ลบ คูณ หาร แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่มีทศนิยม ให้กำหนดเป็นตัวเลขจำนวนเต็ม (integer) เช่นเงินเดือน (salary) อาจจัดเก็บข้อมูลเป็น 28000
3. ถ้าข้อมูลเป็นตัวเลขแต่มีจุดทศนิยมด้วย ให้กำหนดเป็นตัวเลขทศนิยม (decimal) เช่น ความสูง (height) อาจจัดเก็บข้อมูลเป็น 175287.56
ดังนั้นการกำหนดชนิดข้อมูลให้กับตัวแปรใดก็ตาม นักเรียนจะต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่าข้อมูลที่จะนำมาจัดเก็บไว้ในตัวแปรมีลักษณะอย่างไร แล้วจึงกำหนดให้เหมาะสมกับการจัดเก็บข้อมูลจริง
ตัวแปรจัดเก็บข้อมูลอย่างไร
การประกาศตัวแปรนั้นเป็นการจองพื้นที่ในหน่วยความจำแรมของเครื่องคอมพิวเตอร์ (RAM) เพื่อนำข้อมูลไปจัดเก็บไว้และเรียกใช้งาน (ให้นักเรียนจินตนาการถึงการสร้างกล่องหรือตู้สำหรับจัดเก็บสิ่งของ) ทีนี้เราจะมาดูการจัดเก็บข้อมูลของตัวแปร
นักเรียนพิจารณารหัสคำสั่งต่อไปนี้
int Radius=20;
หมายความว่า เอาตัวเลข 20 ไปจัดเก็บไว้ในตัวแปร Radius (ให้จินตนาการว่า Radius เหมือนกล่องหรือลิ้นชักตู้ใบหนึ่งที่เราเขียนป้ายติดด้านหน้าว่า Radius)
Console.Write(Radius);
หมายความว่า นำข้อมูลที่ตัวแปร Radius เก็บไว้มาแสดงผลออกทางจอภาพ สิ่งที่แสดงออกมาให้เห็นก็คือตัวเลข 20 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตัวแปร Radius เก็บไว้นั่นเอง
นักเรียนพิจารณารหัสคำสั่งต่อไปนี้
A=20;
B=30;
A=B+10;
Console.Write(A);
ผลลัพธ์ที่ได้คือ 40 ไม่ใช่ 20 หมายความว่าเมื่อตัวแปรรับค่าใหม่เข้ามาจะถูกนำไปแทนที่ค่าเก่าเสมอ เดิมตัวแปร A เก็บตัวเลข 20 เอาไว้ แต่ต่อมาตัวแปร A มีการจัดเก็บข้อมูลใหม่โดยเอาข้อมูลของตัวแปร B มาบวกเข้ากับ 10 ดังนั้นข้อมูลของตัวแปร A จึงเปลี่ยนไปเป็น 40 นั่นเอง
บางครั้งการเปลี่ยนแปลงค่าหรือข้อมูลของตัวแปร อาจนำข้อมูลที่มีอยู่เดิมแล้วมาบวกเข้ากับข้อมูลใหม่ ตัวอย่างเช่น
A=20;
B=30;
A=A+B;
Console.Write(A);
ในกรณีนี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือ 50 หมายความว่า เอาค่าของ A เดิมคือ 20 ไปบวกกับค่าของ B คือ 30 จึงได้เป็นค่าใหม่ของ ตัวแปร A คือ 50
จากตัวอย่างที่กล่าวมาแล้ว เราลองมานิยามคำว่าตัวแปรกันว่า ตัวแปรคืออะไรโดยพิจารณาจาก
1.ตัวแปรมีไว้สำหรับจัดเก็บข้อมูลหรือพักข้อมูลเอาไว้ชั่วคราวในหน่วยความจำ
2.ค่าของตัวแปรสามารถแปรเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ
3.การนำตัวแปรมาใช้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ทำได้โดยการอ้างถึงชื่อของตัวแปร
ดังนั้น ตัวแปร คือ สิ่งที่ใช้จัดเก็บข้อมูลไว้ชั่วคราวในหน่วยความจำ โดยที่ข้อมูลสามารถแปรเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ และสามารถเรียกใช้ข้อมูลได้โดยการอ้างถึงชื่อของตัวแปร
การกำหนดค่าข้อมูลให้กับตัวแปร
การกำหนดค่าข้อมูลให้กับตัวแปรนั้นจะต้องให้ตรงกับชนิดข้อมูลที่ได้ประกาศตัวแปรไว้ นักเรียนพิจารณารหัสโปรแกรมในภาษา C# ต่อไปนี้
string telephone= “0837975558” ;
int salary=28000;
double height=175287.56;
จากตัวอย่างโปรแกรมจะเห็นว่า การกำหนดค่าให้กับตัวแปรของตัวแปรทั้ง 3 ตัวมีทั้งเหมือนและแตกต่างกัน โดยตัวแปรชนิดข้อความ (string) นั้นจะต้องอยู่ภายในเครื่องหมาย double quote “.........” ส่วนตัวแปรที่เป็นตัวเลขทั้งเลขจำนวนเต็มและเลขทศนิยมไม่ต้องอยู่ในเครื่องหมายใดๆ เหตุผลก็คือเป็นกฎเกณฑ์ที่โปรแกรมภาษา C# หรือภาษาอื่นๆ กำหนดเอาไว้เพื่อให้โปรแกรมสามารถแยกแยะได้ว่าข้อมูลใดเป็นข้อความ ข้อมูลใดเป็นตัวเลขนั่นเอง
string telephone;
int salary;
double height;
จากตัวอย่างเป็นการประกาศตัวแปรขึ้นมา 3 ตัวแปรด้วยกัน ได้แก่ telephone กำหนดให้เป็นตัวแปรชนิดข้อความ salary กำหนดให้เป็นตัวแปรชนิดเลขจำนวนเต็ม และ height กำหนดเป็นตัวแปรชนิดเลขทศนิยม
การกำหนดชนิดข้อมูลให้กับตัวแปรจะต้องมีหลักในการกำหนด จากตัวอย่างจะเห็นว่าตัวแปรทั้ง 3 ตัวล้วนแล้วแต่ต้องจัดเก็บเป็นตัวเลขทั้งสิ้น แต่ทำไมต้องเป็นตัวแปรที่มีชนิดตัวแปรไม่เหมือนกัน เหตุผลก็คือ
1. ถ้าข้อมูลเป็นตัวอักษรทั่วๆไป หรือสัญลักษณ์พิเศษต่างๆ หรือ ตัวเลขที่ไม่ได้นำไปคำนวณ (บวก ลบ คูณ หาร) ให้กำหนดชนิดข้อมูลเป็นข้อความ (string) เช่น เบอร์โทรศัพท์ (telephone) ถึงแม้เบอร์โทรศัพท์จะเป็นตัวเลขก็ตาม เช่น 0837975558 แต่ตัวเลขนี้เราไม่ได้นำไปคำนวณ จึงต้องกำหนดเป็นชนิดข้อความ (string)
2. ถ้าข้อมูลเป็นตัวเลขที่ต้องนำไปคำนวณ บวก ลบ คูณ หาร แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่มีทศนิยม ให้กำหนดเป็นตัวเลขจำนวนเต็ม (integer) เช่นเงินเดือน (salary) อาจจัดเก็บข้อมูลเป็น 28000
3. ถ้าข้อมูลเป็นตัวเลขแต่มีจุดทศนิยมด้วย ให้กำหนดเป็นตัวเลขทศนิยม (decimal) เช่น ความสูง (height) อาจจัดเก็บข้อมูลเป็น 175287.56
ดังนั้นการกำหนดชนิดข้อมูลให้กับตัวแปรใดก็ตาม นักเรียนจะต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่าข้อมูลที่จะนำมาจัดเก็บไว้ในตัวแปรมีลักษณะอย่างไร แล้วจึงกำหนดให้เหมาะสมกับการจัดเก็บข้อมูลจริง
ตัวแปรจัดเก็บข้อมูลอย่างไร
การประกาศตัวแปรนั้นเป็นการจองพื้นที่ในหน่วยความจำแรมของเครื่องคอมพิวเตอร์ (RAM) เพื่อนำข้อมูลไปจัดเก็บไว้และเรียกใช้งาน (ให้นักเรียนจินตนาการถึงการสร้างกล่องหรือตู้สำหรับจัดเก็บสิ่งของ) ทีนี้เราจะมาดูการจัดเก็บข้อมูลของตัวแปร
นักเรียนพิจารณารหัสคำสั่งต่อไปนี้
int Radius=20;
หมายความว่า เอาตัวเลข 20 ไปจัดเก็บไว้ในตัวแปร Radius (ให้จินตนาการว่า Radius เหมือนกล่องหรือลิ้นชักตู้ใบหนึ่งที่เราเขียนป้ายติดด้านหน้าว่า Radius)
Console.Write(Radius);
หมายความว่า นำข้อมูลที่ตัวแปร Radius เก็บไว้มาแสดงผลออกทางจอภาพ สิ่งที่แสดงออกมาให้เห็นก็คือตัวเลข 20 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตัวแปร Radius เก็บไว้นั่นเอง
นักเรียนพิจารณารหัสคำสั่งต่อไปนี้
A=20;
B=30;
A=B+10;
Console.Write(A);
ผลลัพธ์ที่ได้คือ 40 ไม่ใช่ 20 หมายความว่าเมื่อตัวแปรรับค่าใหม่เข้ามาจะถูกนำไปแทนที่ค่าเก่าเสมอ เดิมตัวแปร A เก็บตัวเลข 20 เอาไว้ แต่ต่อมาตัวแปร A มีการจัดเก็บข้อมูลใหม่โดยเอาข้อมูลของตัวแปร B มาบวกเข้ากับ 10 ดังนั้นข้อมูลของตัวแปร A จึงเปลี่ยนไปเป็น 40 นั่นเอง
บางครั้งการเปลี่ยนแปลงค่าหรือข้อมูลของตัวแปร อาจนำข้อมูลที่มีอยู่เดิมแล้วมาบวกเข้ากับข้อมูลใหม่ ตัวอย่างเช่น
A=20;
B=30;
A=A+B;
Console.Write(A);
ในกรณีนี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือ 50 หมายความว่า เอาค่าของ A เดิมคือ 20 ไปบวกกับค่าของ B คือ 30 จึงได้เป็นค่าใหม่ของ ตัวแปร A คือ 50
จากตัวอย่างที่กล่าวมาแล้ว เราลองมานิยามคำว่าตัวแปรกันว่า ตัวแปรคืออะไรโดยพิจารณาจาก
1.ตัวแปรมีไว้สำหรับจัดเก็บข้อมูลหรือพักข้อมูลเอาไว้ชั่วคราวในหน่วยความจำ
2.ค่าของตัวแปรสามารถแปรเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ
3.การนำตัวแปรมาใช้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ทำได้โดยการอ้างถึงชื่อของตัวแปร
ดังนั้น ตัวแปร คือ สิ่งที่ใช้จัดเก็บข้อมูลไว้ชั่วคราวในหน่วยความจำ โดยที่ข้อมูลสามารถแปรเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ และสามารถเรียกใช้ข้อมูลได้โดยการอ้างถึงชื่อของตัวแปร
การกำหนดค่าข้อมูลให้กับตัวแปร
การกำหนดค่าข้อมูลให้กับตัวแปรนั้นจะต้องให้ตรงกับชนิดข้อมูลที่ได้ประกาศตัวแปรไว้ นักเรียนพิจารณารหัสโปรแกรมในภาษา C# ต่อไปนี้
string telephone= “0837975558” ;
int salary=28000;
double height=175287.56;
จากตัวอย่างโปรแกรมจะเห็นว่า การกำหนดค่าให้กับตัวแปรของตัวแปรทั้ง 3 ตัวมีทั้งเหมือนและแตกต่างกัน โดยตัวแปรชนิดข้อความ (string) นั้นจะต้องอยู่ภายในเครื่องหมาย double quote “.........” ส่วนตัวแปรที่เป็นตัวเลขทั้งเลขจำนวนเต็มและเลขทศนิยมไม่ต้องอยู่ในเครื่องหมายใดๆ เหตุผลก็คือเป็นกฎเกณฑ์ที่โปรแกรมภาษา C# หรือภาษาอื่นๆ กำหนดเอาไว้เพื่อให้โปรแกรมสามารถแยกแยะได้ว่าข้อมูลใดเป็นข้อความ ข้อมูลใดเป็นตัวเลขนั่นเอง